English - เรื่องของตัวเลข Eng

เรื่องของตัวเลข
                ตัวเลขในภาษาอังกฤษมีอยู่ 2 แบบครับ  
  • แบบที่เป็นจำนวนนับ เช่น 1 2 3 4 5
  • แบบที่เป็นลำดับที่ เช่น ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 5
            one = หนึ่ง  ถ้าท่านจะสื่อว่า  ที่ 1 จะต้องใช้ the first ที่ 2  the second  ที่ 3 the third  ที่ 4 ก็ the fourth  ที่ 5 the fifth
            หรือจะใช้ว่า 1st  2nd  3rd  4th  5th ก็ได้
            ทีนี้ถ้าตัวเลขมากขึ้น อย่าง 20 = twenty, ที่ 20 = 20th= the twentieth
            21 = twenty-one, แต่ที่ 21 ต้องใช้ the twenty-first = 21st
            ถ้าตัวเลขมากกว่านั้นจะทำยังไง เช่น 101= one hundred and one เมื่อทำเป็นลำดับที่ จะเปลี่ยนกันที่ตัวหน้าหรือตัวหลัง ตรงนี้คนต่างชาติ ใช้กันผิดๆ เยอะ
            ต้องเปลี่ยนที่ตัวหลังเป็น 101 st หรือ the one hundred and first
            ร้อย = hundred พัน = thousand ล้าน = million พันล้าน = billion ภาษาอังกฤษไม่มีคำว่า หมื่น กับ แสน ใช้นะครับ ท่านผู้อ่านต้องใช้หลัก พันเข้ามาช่วยเสมอ จะพูดว่าหนึ่งหมื่น  ก็ต้องบอกว่า 10 พัน  = ten  thousand ที่หนึ่งแสน = 100,000 th = the one hundred thousandth
            อีกอย่างหนึ่งที่ นร. ไทยชอบลืม เลขหลักหน่วยที่น้อยกว่า 99 ต้องใช้ hyphen เครื่องหมาย “-” คั่น แต่ถ้าเป็นจำนวน 100 ขึ้นไป ต้องใช้ and เชื่อม เช่น 95 (น้อยกว่า 99) ต้องใช้ ninety-five หรือ 295 = two hundred and ninety-five



Babobang ขอบคุณ เปิดฟ้าภาษาโลก
Read more

English - Have + Someone + Verb ช่อง 1

have+someone+v1
                1. someone เป็นสรรพนาม แปลว่า บางคน someone ในสูตรนี้  คนเป็นผู้กระทำนะครับ  เช่น  ประโดก  ประเดก  ประโดกศรี  นักเรียน  อาจารย์  ฯลฯ
           
          2. have + someone + v1 = have + ผู้กระทำ + กริยาช่อง 1
            Jim washed his car. จิ๋มล้างรถ (ด้วยตัวเอง)
        Jim has his car washed. จิ๋มเอารถ (ไปให้คนอื่นซึ่งไม่ได้เน้นว่าใคร) ล้าง
            Jim has his son wash the car. จิ๋มให้ลูกชายล้างรถ

               3.  เพราะ have ในสูตรนี้ไม่ได้แปลว่า มี ดังนั้น เมื่อเป็นคำถามหรือปฏิเสธ เอา verb to do เข้ามาช่วย เช่น
        John had a tailor make him a suit. จ้อนให้ช่างตัดเสื้อตัดสูทให้ชุดหนึ่ง
            Did John have a tailor make him a suit? คำถาม
            John did not have a tailor make him a suit. ปฏิเสธ
         




Babobang ขอบคุณ เปิดฟ้าภาษาโลก
Read more

English - Have + Something + verb ช่อง 3

have+something+v3
                1. something เป็นสรรพนาม แปลว่า บางสิ่ง บางอย่าง เป็น สิ่งของนั่นละครับ...table โต๊ะ...hair ผม...body  ร่างกาย  ฯลฯ

            2. have ไม่ได้แปลว่า มี เสมอไป ที่ผมจะคุยให้ท่านฟังกันวันนี้ have แปลว่า จัดให้เกิดขึ้น หรือ จัดให้มีการกระทำ

        3. have + something + v3 = have + สิ่งที่ถูกกระทำ + กริยาช่อง 3
            ถ้าผมบอกว่า I cut my hair.  ก็แปลว่า ผมไปเอากรรไกรมาตัดผมของตัวเอง แต่ถ้าผมเดินไปใช้บริการที่ร้านตัดผม ผมต้องพูดใหม่ว่า  I have my hair cut. กริยา cut ช่อง 1, 2 และ 3 เขียนเหมือนกันนะครับ  ในที่นี้  cut  เป็นกริยาช่อง 3 I have my hair cut. = I employ someone to cut my hair. หรือ John had his car washed. นี่ก็เหมือนกันจ้อนไม่ได้ล้างรถด้วยตัวเองนะครับ   จึงต้องใช้ washed ซึ่งเป็นกริยาช่อง 3
            
            4. เพราะ have ไม่ได้แปลว่า มี เมื่อทำเป็นคำถามหรือปฏิเสธ ต้องเอา verb to do เข้ามาช่วย...
Jim has his car washed every week. จิ๋มเอารถไปล้างทุกอาทิตย์ คำถามใช้...Does  Jim have his car washed every week?
            have เป็นกริยายังไม่ผัน...ช่อง 1 ผันแล้วตามประธานคือ has, have... ช่อง 2 คือ had...ช่อง 3 ก็คือ had...การผันตามประธาน ใช้กริยาตัวแรกผันเพียงตัวเดียวก็พอครับ เมื่อ do  + es = does เป็นกริยาช่วยผันตาม  Jim  แล้ว  has  จึงไม่ต้องผันอีก  กลับไปใช้  have ได้เลย


Babobang ขอบคุณ เปิดฟ้าภาษาโลก
Read more

English - used to, be used to & get used to

used to, be used to & get used to
                used to + v1 . = เคยทำในอดีตเป็นประจำ  ซึ่งตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว
            be used to + v + ing หรือ คำนาม = เคยชิน
            get used to + v + ing หรือ คำนาม = เริ่มเคยชิน
  ตัวแรกคือ used to ผมพาเพื่อนไปเที่ยว แถวจังหวัดที่เคยอยู่ ขับรถผ่านโรงเรียนเก่า ก็บอกกับเพื่อนว่า That is the school where I used to study.

  • ต้องใช้ study ที่เป็น verb ช่อง 1 . (. แปลว่า ยังไม่ผัน)ก็คือ study  ผันเป็น studies, studied, studying, will study  ไม่ได้

        People used to think that the earth was flat. คนเคยคิดว่าโลกแบน

            หลักการใช้ used to แบบ  กริยาพิเศษ อื่น ก็
            1. เป็นปฏิเสธ ใส่ not หลัง used หน้า to  I  used  not  to smoke.
            2. คำย่อของ used not คือ usedn’t
            3. เป็นคำถามเอา used มาไว้หน้าประโยค Used he to smoke?     
            4. เป็น question tag ใน tag ใช้ used ตัวเดียว You used to live in Moscow, usedn’t you?
            5. ลองสังเกตประโยค There used to be a really clever teacher in this school. เคยมีครูที่ฉลาดยอดเยี่ยมอยู่ใน ..ี้  Oh, used  there? โอ๊ะ โอ่...เคยมีจริงเหรอ?

          หลักการใช้ used to แบบ กริยาธรรมดา
            ก็คือ การเอา  verb to do (do, does, did, done)  เข้ามาช่วย
            John used to live in Bangkok, didn’t he? หรือ  usedn’t he?  ก็ได้
            Jim didn’t used to smoke as much as he does now.  ตรงที่ขีดเส้นใต้ จะใช้แบบกริยาพิเศษอย่างเมื่อวาน usedn’t to ก็ได้
            There used to be a really clever teacher in this school. Oh, was there?  หรือจะใช้  Oh, used there?  ก็ได้
           
        Did you use to study in that school? = Used you to study...?
            แต่คุณอยากจะพูดให้เพราะ  เขียนให้ไพเราะ คำว่า didn’t use to ที่แปลว่า  ไม่เคยเนี่ย ผมแนะนำให้ใช้ never used to มาแทนจะดีกว่า
            June never used to smoke as much as she does now. ตรงที่ขีดเส้นใต้ก็เท่ากับคำว่า didn’t use to นั่นเอง  อ่านแล้ว ฟังแล้ว  เพราะมากกว่ากันเยอะครับ
            ฝากไว้หน่อย ประโยค used to ใช้เฉพาะกรณีที่เป็น past tense หรือเป็นเรื่องที่เกิดในอดีตเท่านั้น ปัจจุบัน หรืออนาคตจะมาใช้ไม่ได้ ไม่มีนะครับ Nitipoom  uses to หรือ Nitipoom will use to.

                เรื่อง  be used to  ที่ต้องตามด้วยกริยา + ing หรือ + คำนาม
            be used to = เคยชิน = accustomed to ท่านผู้อ่านอย่าไปสับสนกับคำว่า used to  ที่เราเคยว่ากันไปแล้วนะครับ used to ตัวนั้น  แปลว่า เคย ต้องตามด้วย  v1 . (ยังไม่ผัน) เท่านั้น
  • John used to come home late. จ้อนเคยกลับบ้านช้า  (ปัจจุบันไม่ช้าแล้ว)
  • John is used to coming home late. จ้อนชินกับการกลับบ้านช้า  (เดี๋ยวนี้ก็ยังกลับช้า)
            be used to มีรูปเป็น is used to, are used to, was used to, were used to ก็ได้ แล้วแต่ว่าท่านผู้อ่านจะใช้เป็น tense ไหน ส่วน get used to = + นาม หรือ v + ing แปลว่า เริ่มเคยชิน
  • Suda is used to studying hard. สุดาเคยชินกับการเรียนหนัก
  • Suda gets used to studying hard now. ขณะนี้สุดาเริ่มจะเคยชินกับการเรียนหนักแล้ว
            หวังว่าท่านผู้อ่านคงไม่เอา used to, be used to และ get used to ไปใช้สับสนนะ



                       Babobang ขอบคุณ เปิดฟ้าภาษาโลก
Read more

English - Stop

stop
                เจ้านายเดินเข้ามาในห้องแล้วสั่ง
1. Nitipoom, stop watching TV! กับ 
2. Nitipoom, stop to watch TV!

            สองประโยคนี่ต่างกันนะ
            ประโยคแรก  เจ้านายสั่งให้ ผมเลิกดูทีวี... หัดไปทำงานทำการอื่นซะบ้าง
            ประโยคที่สอง เจ้านายใช้ผมตามข่าวคลินตันอึ๊บเลวินสกี ทางซีเอ็นเอ็นเข้ามาในห้องไม่เห็นผมดูทีวี จึงสั่งให้เลิกภารกิจอื่นที่กำลังทำซะ แล้วไล่ไห้ไปดูทีวี
            คำต่อไปนี้ stop, forget, remember, regret (เสียใจ), try (เมื่อ)
            +infinitive (คือ to + v) มีความหมายว่าจะทำในอนาคต
            +gerund (คือ v + ing) มีความหมายเป็นอดีตได้ทำไปแล้ว
            remember to swim = ไม่ลืมว่าจะต้องไปว่ายน้ำ (ยังไม่เกิด)
            remember swimming = จำที่ว่ายน้ำ (ในอดีต) ได้
        On the way, Aree stopped to talk to her husband.
            ขณะกำลังเดินทาง อารีย์หยุด (รถหรือยานพาหนะอะไรก็แล้วแต่) เพื่อที่จะพูดกับสามีของเธอ

            Please stop talking about your former boyfriends. กรุณาหยุดพูดถึงแฟนเก่าๆ ของคุณซะที
            ต่อไปนี้จะใช้  to + v1, to + Ving  ตามหลังคำพวก stop, forget, remember, regret, try
            
ก็ให้ระวังหน่อยก็แล้วกันนะ เพราะความหมายต่างกัน



Babobang ขอบคุณ เปิดฟ้าภาษาโลก
Read more
Flickr Digg Yahoo! Technorati MySpace Delicious RSS